วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ชีวิตเปลียนไป

     วันนี้ผมสึกมาก็เกือบ 2 เดือนแล้ว ก็อย่างที่บอกว่าผมตั้งใจบวชเพื่อเปลียนแปลงชีวิตใหม่ พูดง่ายๆคืออยากเป็นคนใหม่ในวัยกลางคน คือ 40-41 ปีตั้งแต่นี้เป็นต้นไปดั้งนั้นแม่จะบวชสั้นๆไม่ถึงพรรณษาหรือ 1เดือนแต่กอ่นบวชก็ตั้งใจศึกษาและปฏิบัติเพื่อตอนบวชจะได้เต็มที่ ซึ่งตอนบวชนี้ต้องถือว่าเลือกช่วงจังหวะเวลาได้ดีจริงๆ คือช่วง 12-19 เมยายน 54 เป็นวันหยุดและปีใหม่ไทย จริงๆตอนแรกตั้งใจบวชเงียบๆไม่บอกใคร ยกเว้นญาติสนิดและวัดใกล้บ้านเพราะตั้งใจบวชให้คุญพ่อที่เสียไปเกือบปีและให้แม่กับอาโกและก็คิดว่าเอาสะดวกท่านจะได้ไม่ลำบากและเดินทาง กอรปกับคิดว่าบวชน้อยวัน ก็เลยเข้าวัดแบบเงียบๆเรียบร้อย โกนผม แห่รอบโบสถ์และทำพิธีทางสงฆ์ และจะได้เรียนรู้ฝึกจิตแบบสงบแต่ที่ไหนได้ลืมคิดว่าช่วงที่บวชวันหยุดยาว ทุกคนกลับบ้านต่างจังหวัดหมดเพื่อมาปีใหม่ที่บ้านและมี่ทำบุญเลี้ยงพระกัน เพราะฉนั้นตั้งแต่วันแรกที่บวชโปรแกรมในแต่ละวันนี้ยาวจริงๆ ไม่ว่าจะตีสามตื่นมาเตรียมตัวทำวัตรเช้าตอนตีสี่เสร็จตีห้ากว่าๆ ต้องกวาดลานวัด หกโมงลงฉันที่ศาลางานศพ เสร็จกลับมากวาดลานวัดต่อ เกือบๆเจ็ดโงครึ่งเตียมตัวลงศาลาวัดเพราะญาติโยมมาทำบญที่วัดเพราะวันที่13 เป็นวันขึ้นปีใหม่ลงศาลาเกือบๆแปดโมง สวดและฉันเสร็จก็ใกล้ๆจะเก้าโมง ถูกนิมนต์ไปสวดบังสกุลที่เจดีย์คนตายอีกเป็นสิบๆราย ก็ปาเข้าไปใกล้จะสิบโงครึ่งต้องรีบขึ้นรถมารับไปฉันเพลที่บ้านโยน สวดและฉันเพลเสร็จก็สิบเอ็ดโมงกว่าๆ กลับวัด รู้สึกง่วงนอนมากเพราะตื่นแต่เช้าตีสามอยากจะจำวัดสักหน่อยแต่หลวงพีก็เรียกไปช่วยกันจัดศาลาเพราะวัดนี้พระเพียง2-3 รูปไม่รวมเจ้าอาวาสและที่สำคัญไม่มีมักทายกพระก็เลยต้องออกแรงจัดศาลา ยกโต๊ะ จัดโต๊ะหมู่เตรียมของ เก็บโต๊ะ ปูเสื่อ เป็นต้นต้นกว่าจะเสร็จปาเข้าไปบ่ายสองกว่าๆ ต้องรีบไปกวาดลานวัดต่อรู้สึกชอบจริงๆกวาดลานวัดนี้ได้เหงื่อและเป็นการออกกำลังกายได้ดีแถมมีสัจจะธรรมแถมให้อีกกวาดสะเพลินต้องรีบไปสรงน้ำใกล้จะสี่โมงแล้วเดี๋ยวต้องทำวัดเย็นต่อเสร็จก็ห้าโมงกว่าๆ ดีใจจะได้พักแล้วแต่หลวงพี่มาตามบอกว่าประมาณทุ่มนึงเตรียมตัวไปสวดอภิธรรมศพนะ อ้าว ผมจะสวดอย่างไรละครับ หลวงพี่ตอบไม่เป็นไรเดี๋ยวเอาตารปัตรปิดหน้าไว้ก็แล้วกัน กว่าจะเสร็จก็ใกล้สามทุ่มต้องรีบเข้านอนแต่ก่อนนอนก็ต้องนั่งสมาธิก่อนเพราะติดเป็นนิสัย เป็นอันว่ากิจกรรมของการบวชพระวันแรกก็ผ่านไปหนหนึ่งวันและทุกวันก็จะเป็นแบบนี้เพราะช่วงสงกรานต์คนมาทำบูญทุกวันไม่เว้นและวันก่อนสึกก็เป็นวันพระอีกก็ถือว่ากิจกรรมเยอะจริงๆเทียบจะไม่มีเวลวฉันกาแฟหรือแม้แต่อยากจะไปห้องน้ำใครว่าเป็นพระสบาย ผมเป็นฆารวาสยังสบายกว่าเยอะเลย

     แม้วันนี้(18 ,มิถุนายน)ผมจะสึกมาแล้วสองเดือนแต่ผมก็ยังจำวันเวลาที่อยู่ในผ้าเหลืองได้ละเอียดแม้ผมจะไม่ได้เรียนรู้ในเรื่องปริยัทเพราะเวลาบวชน้อยแต่ก็เน้นปฏิบัติและอยู่ในวินัยสงฆ์และศิล ซึ่งก่อนบวชผมก้ได้ศึกษาค้นคว้าจากในอินเตอร์เน็ทมาบ้าง และก็พยายามปฎิบัติอย่างเคร่งคัดแม้แต่เรื่องการรับเงิน ซึ่งตอนก่อนบวชผมไปเป็นลูกศิษย์พระสายวัดป่าท่านจะเคร่งเรื่องนี้แต่วัดที่ผมบวชสายวัดบ้านซึ่งก็ต้องเข้าใจการเค่งในวินัยสงฆก็ต้องลดลงไปเพราะต้องปรับตัวเข้ากันสังคมเมืองแต่ผมก็แก้ปัญหาไปว่าถ้าญาติโยมถวายปัจจัยแล้วผมคงจะไม่สามารถปฏิเสธเขาได้ก็ต้องรับมาเพียงแต่ว่าเงินที่เขาให้ผมจะไปทำบูญสร้างหลังคาโบสถ์ให้หมดโดยตั้งใจไว้ว่าจะให้ได้ 10000 บาทถ้าไม่ถึงจะบอกบูญโยมโก โก๋แต่ผลปรากฏว่าได้พอดี ก่อนสึกก็ถวายเงินกับท่านเจ้าอาวาส ท่านให้พระนวโกฐเศรษฐีให้หนึ่งองค์

   เมื่อผมสึกกลับมาบ้านสิงแรกที่ทำคือผมทำห้องพระเลยเอาไว้สวดมนต์เช้าและเย็น ทำสมาธิทั่งสองเวลา วันพระก็ไปทำบุญพร้อมทั้งถือศีล 8 ทำจนเป็นนิสัยไม่ขาดตั้งแต่สึกออกมาเรื่อยๆและได้ไปศึกษาหลักสูตรครูสมาธิที่วัดธรรมมงคลเสาร์ อาทิตย์เพื่อมาปฎิบัติให้ถูกต้องและต่อเนื่องไปเรื่อยๆวันนี้ชีวิตผมเปลียนไป จากเดิมที่ไม่ได้สวดมนต์ ทำบุญ นั่งสมาธิจนใช้โอกาสที่จะตอบแทนพระคุณของบิดามารดา
เพื่อบวชทดแทนและเริ่มกับมาประพฤติปฎิบัติตนเสียใหม่และใช้พระพุทธศาสนาเป็นเครื่องมือในการดับทุกข์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น